หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

เลิกบุหรี่ด้วยตัวเอง

บุหรี่ ขึ้นราคา อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักกลืนควันอยากจะเลิกบุหรี่ เพื่อลดค่าใช้จ่าย . การเลิกบุหรี่สามารถทำได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งหมอ ดังนี้
- การที่จะเลิกบุหรี่ อย่าเพิ่งเอาแต่คิด ต้องลงมือเลิก หาเหตุผลหรือแรงจูงใจในการเลิกให้ได้โดยกำหนดวันเลิก เช่น วันไม่สูบบุหรี่โลก วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน วันเกิดลูก
- ให้ทิ้งบุหรี่และอุปกรณ์การสูบบุหรี่ทั้งหมด บอกคนใกล้ชิดว่าจะเลิกสูบบุหรี่เพื่อคนใกล้ชิดจะได้ใ ห้กำลังใจ
- เช้าวันที่เลิกสูบ ทำใจให้สบาย ดื่มน้ำผลไม้ หากอยากบุหรี่ให้ดื่มน้ำหรือล้างหน้า
- หลังกินข้าวให้ลุกจากโต๊ะอาหารเลย ถ้านั่งอยู่จะเคยชินกับการต้องหยิบบุหรี่มาสูบ
- ถ้าทนถึงเย็นได้ให้เริ่มโปรแกรมออกกำลังกายในเย็นนั้ น ถ้าไม่เหนื่อยให้วิ่งเหยาะๆ 30-40 นาที การออกกำลังจะทำให้ร่างกายคลายเครียด อยากบุหรี่น้อยลง ทั้งยังทำให้เพลียจึงหลับสบาย ใครไม่สะดวกในเวลาเย็น ออกกำลังกายตอนเช้าก็ได้
- ควรงดการไปเที่ยวเตร่ เช่น ตามสถานเริงรมย์ หรือเข้าไปในบริเวณที่มีคนสูบบุหรี่มากๆ
- เมื่ออยากสูบบุหรี่ให้กินมะนาวแทน โดยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ มีเปลือกติดมาด้วย ขนาดเท่าหัวแม่โป้ง หรือพอคำ อมแล้วค่อยดูดความเปรี้ยว จากนั้นเคี้ยวเปลือกอย่างช้าๆ นาน 3-5 นาที จะมีผลทำให้ลิ้นขม เฝื่อน แล้วดื่มน้ำ 1 อึก นอกจากช่วยลดความอยากนิโคตินแล้ว เมื่อสูบบุหรี่จะทำให้รสชาติบุหรี่เปลี่ยนเป็นขมจนไม ่อยากสูบบุหรี่ สามารถกินมะนาวหรือผลไม้ชนิดอื่นที่มีความเปรี้ยวมาก ๆ ได้ทุกครั้งที่เกิดความอยากบุหรี่

หากผ่านวันแรกไปได้ วันที่สอง สาม ก็ให้ปฏิญาณเหมือนเดิม บอกตัวเองตลอดเวลาว่าเราต้องทำได้ ยิ่งหลายวันผ่านไป ความอยากบุหรี่จะยิ่งน้อยลง โอกาสเลิกสูบบุหรี่จะยิ่งมีมากขึ้น หลังหนึ่งอาทิตย์ คุณจะรู้สึกสบายมากขึ้น หายใจโล่งขึ้น ความอยากบุหรี่จะน้อยลงๆ คนเริ่มโปรแกรมออกกำลังกายแล้ว ก็ควรออกกำลังกายต่อไป อาจจะเปลี่ยนจากนิโคตินมาเป็นติดการออกกำลังกายแทน ถ้าทำได้เช่นนี้ จะเป็นกำไรสองต่อ

สิ่งควรรู้หลังทานข้าว (Hair & Beauty)

ยังมีความเข้าใจกันผิด ๆ ในเรื่อง "หลังทานข้าว" แล้วมีข้อห้ามอะไรบ้าง
1. ห้ามรับประทานผลไม้ทันที เพราะการรับประทานผลไม้ทันทีจะทำให้เกิดลมในกระเพาะอ าหารได้ เราจึงควรที่จะรับประทานผลไม้หลังจากรับประทานอาหารไ ปแล้ว 1-2 ชั่วโมง หรือรับประทานผลไม้ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง
2. ห้ามดื่มชา เพราะการดื่มชาจะมีผลทำให้การย่อยสารโปรตีนในอาหารที ่เรารับประทานเข้าไปนั้น ทำให้ย่อยยากขึ้น
3. ห้ามอาบน้ำ เพราะการอาบน้ำจะเป็นการเพิ่มแรงดันเลือดไปสู่มือ-แขน และทั่วตัว ดังนั้นจำนวนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารจึงลดล ง ซึ่งจะทำให้ระบบการย่อยอาหารแย่ลงไปด้วย
4. ห้ามเดินไปเดินมา หลังทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ การเดินของเราจะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารไม่สามารถดูดซึ มสารอาหารที่เรารับประทานเข้าสู่ร่างกายไม่สะดวกขึ้น
5. ห้ามนอนทันที เพราะอาหารที่รับประทานเข้าไปจะไม่สามารถย่อยได้ ดังนั้นจึงทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ของเราไ ด้

การป้องกันไม่ให้ผมร่วง

เพื่อนๆ เป็นคนนึงที่ขี้ใจน้อยอะป่าวคะเนี่ย ระวังผมจะค่อยๆร่วงจนหัวล้านนะคะเหมือนที่เค้าว่า "คนหัวล้านขี้ใจน้อยงะ" แล้วใครที่กำลังรู้ตัวว่า.. ตอนเนี่ยผมกำลังร่วงง่าย ร่วงเยอะอยู่ ละก็ วันนี้เรามีวิธีป้องกันไม่ให้ผมร่วงมาบอก...การป้องกันไม่ให้ผมร่วง
1. เลือกรับประทานอาหารและของที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม เช่น ธัญพืช, ข้าวกล้อง, งาดำ, เมล็ดทานตะวัน, ฟักทอง
2. ควรนวดหนังศรีษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อบำรุงรากผมบ้าง
3. ควรทำความสะอาดผมอย่างสม่ำเสมอ
4. ควรใส่ครีมบำรุงผม ทุกครั้งที่สระผม
5. ควรรับประทานแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อรากผม เช่น Biotin ไบโอติน หรือ Vitamin H จัดเป็นวิตามินชนิดหนึ่งในกลุ่มวิตามิน บี จำเป็นสำหรับขบวนการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย ซึ่งช่วยบำรุงผิวหนัง ผม กล้ามเนื้อ และประสาท อาหารที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ ตับหมู ไตวัว เนื้อวัว ปลาเนื้อขาว น้ำมันปลา ข้าวกล้อง ข้าวโพด รำข้าวสาลี ไข่ นม เนย โยเกิรต์ ผักต่าง ๆ โดยเฉพาะดอกกะหล่ำ กระหล่ำปลี เห็ด และแครอท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับปริมาณของวิตามินที่ ร่างกายต้องการในแต่ละ วัน
สำหรับสาเหตุที่ร่างกายอาจขาดไบโอติน คือ การรับประทานไข่ขาวดิบในปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ อันเนื่องมาจากใน "ไข่ขาว" มีสารที่จะทำลายไบโอติน เมื่อร่างกายเกิดอาการขาดวิตามินนี้ก็จะทำให้เกิดเป็ นโรคผิวหนัง ผิวหนังมีสีเทา อ่อนเพลีย โลหิตจาง มีโคเลสเตอรอลในเลือดสูงกว่าปกติ
อีกตัวคือ Zine เป็นแร่ธาตุที่เมื่อร่างกายขาดจะทำให้ผมร่วง
ถ้าไม่อยากผมร่วง ก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำกันได้นะคะ.

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

โรคเครียดคืออะไร

ในคนปกติความเครียดที่เกิดจะสัมพันธ์กับเหตุการณ์หรือ สิ่งแวดล้อม เช่น ในการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนจะรู้สึกเครียด เพราะการสอบนั้นอาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ ความกังวลล่วงหน้าคือการคาดว่าผลที่จะเกิดขึ้นอาจไม่เป็นไปตามความต้องการหรือจะทำให้เกิดอันตราย นักเรียนก็จะเกิดความเครียด ความวิตกกังวล หาทางออกที่ผิดๆ เช่น กระโดดตึกตาย ยิงตัวตาย ฯลฯ
อาการ
อาการของความเครียดจะเกิดขึ้นในอวัยวะที่ถูกกำกับควบคุมโดยประสาทอัตโนมัติ ทำให้ประสาทอัตโนมัติเหล่านั้นทำงานมากขึ้นจนเกิดอาการต่างๆ เช่น
ในระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร เกิดการหลั่งกรดมากผิดปกติ ทำให้กระอาหารเป็นแผล ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ลำไส้ เกิดการหดตัวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายบ่อย
การรักษา
การรักษาใช้หลายๆวิธีรวมกัน ได้แก่
1.การรักษาทางจิตใจ
การผ่อนคลายความเครียด และทำใจให้สงบ,การแก้ไขปัญหาชีวิตให้สำเร็จ
มีการปรับตัวกับบุคคลอื่นได้ดี ,การออกกำลังกายให้แข็งแรง จิตใจเผชิญความเครียดได้ดี
มีการผ่อนคลาย งานอดิเรก พักผ่อนหย่อนใจ
ดิฉันก็นำโรคเครียดมาฝากเล็กน้อยเพื่อให้ทุกๆรู้ และหาทางออกที่ถูกต้องและเหมาะสม ^-^

มาลาเรียสายพันธุ์ใหม่' จาก 'ลิง' สู่ 'คน'

จากกรณีที่พบผู้ป่วยโรคมาลาเรีย สายพันธุ์ใหม่ ในประเทศไทย ปี 2552 จำนวน 3 ราย คือ จันทบุรี 1 ราย และ ยะลา 2 ราย โดยตรวจพบเชื้อ “พลาสโมเดียม โนวซี่” (Plasmodium Knowlesi) ซึ่งเดิมเชื้อนี้มีอยู่ในลิง แต่กลับติดต่อและทำให้เกิดโรคในคนได้ คงจะทำให้ผู้อ่านอยากรู้รายละเอียดโรคนี้มากขึ้น
โรคมาลาเรีย เป็นโรคติดต่อ มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ เกิดจากเชื้อ “พลาส โมเดียม” ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเป็นสัตว์เซลล์เดียว มีวงจรชีวิตอยู่ทั้งในสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์จำพวกยุง
“พลาสโมเดียม โนวซี่” เป็นเชื้อมาลาเรียชนิดที่ 5 ทำให้เกิดไข้มาลาเรียในลิงแสม และลิงกัง เป็นส่วนใหญ่ และเริ่มมีรายงานพบในคน โดยในประเทศมาเลเซียมีรายงานพบในรัฐซาราวัก ซาบา และปาหัง ในปี 2544-2549 มีผู้ป่วย 266 ราย จากการตรวจทั้งหมด 960 ราย นอกจากนั้น ยังมีรายงานผู้ป่วยประปรายที่ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า
ในประเทศไทย เคยพบเชื้อมาลาเรีย “พลาสโมเดียม โนวซี่” โดยบังเอิญในปี 2543 โดย รศ.นพ.สมชาย จงวุฒิเวศย์ หัวหน้าภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะทำการย้อมเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคมาลาเรียเพื่อที่จะนำมาพัฒนาชุดตรวจ ดีเอ็นเอ ปรากฏว่าได้ผลเป็นลบ เมื่อตรวจสอบจึงทราบว่าไม่ใช่มาลาเรียใน 4 ชนิดที่เกิดจากยุงก้นปล่องที่พบในบ้านเรา แต่เป็นชนิดที่ 5 คือ มาลาเรียลิง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ “พลาสโมเดียม โนว ซี่” โดยมาลาเรียลิงมีประมาณ 20-30 ชนิด แต่ที่ก่อให้เกิดโรคในคนมีประมาณ 5 ชนิด
สำหรับกลุ่มที่ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า ไทย-กัมพูชา และไทย-มาเลเซีย เพราะมีโอกาสที่จะถูกยุงก้นปล่องกัดและแพร่เชื้อมาลาเรียได้ ดังนั้นหากอยู่ในพื้นที่ หรือเข้าไปในบริเวณป่าเขา ขอให้ระมัดระวังป้องกันตัวเองอย่าให้ถูกยุงกัด นอนในมุ้ง ทายากันยุง สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด หากมีไข้หนาวสั่น ปวดศีรษะ หลังกลับออกจากป่าหรือพื้นที่ที่มีการ ระบาดของโรค ขอให้นึกถึงโรคมาลาเรียไว้ก่อน และรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเข้าป่าด้วย เพื่อตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรียและให้ยารักษาที่ตรงกับเชื้อ ซึ่งขณะนี้ยาที่ใช้รักษายังได้ผลดี แต่ผู้ป่วยจะต้องกินยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้รักษาหายขาดและไม่มีปัญหาเชื้อดื้อยาตามมา

วิธีการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง

ทุกคนคงจะรู้จักกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งโรคนี้มีความรุนแรงมาก รัฐบาลจึงรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากออกไปในที่สาธารณะทั้งผู้ที่เป็นหวัดธรรมดา และผู้ที่ป้องกัน ดังนั้นดิฉันจึงนำวิธีการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องมาฝาก ซึ่งมีดังนี้
1 ก่อนสวมหน้ากากอนามัย ควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด
2 สวมหน้ากากอนามัยให้คลุมทั้งจมูกและปาก หน้ากากควรมีความกระชับเมื่อสวมใส่ แนบไปกับใบหน้าตั้งแต่จมูกถึงคาง ไม่ให้มีช่องว่างระหว่างใบหน้ากับหน้ากาก ถ้ามีลวดอยู่ในขอบบนของหน้ากากให้หนีบแนบไปกับสันจมูก
3 ระหว่างใส่หน้ากากอนามัย ไม่ควรเอามือจับด้านหน้าของหน้ากาก เพราะจะเปื้อนเชื้อที่ติดอยู่ได้
4 เวลาถอดให้จับเฉพาะห่วงคล้องหูหรือสายผูก เพราะด้านหน้าและด้านหลังของหน้ากากอาจมีเชื้อโรคอยู่ ทิ้งหลังจากที่ใช้แล้วและล้างมือให้สะอาด
5 หน้ากากอนามัยชนิดทำจากผ้า สามารถซักเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ควรซักให้สะอาดด้วยน้ำและผงซักฟอก และตากแดดให้แห้ง
6 หากใช้หน้ากากอนามัยที่ทำจากกระดาษ ควรเปลี่ยนทุกวัน และทิ้งหน้ากากที่ใช้แล้วลงถังขยะที่มีฝาปิด
7 หากหน้ากากอนามัยมีการปนเปื้อนหรือชำรุด ควรเปลี่ยนอันใหม่ทันที

ประโยชน์ของสมุนไพรที่คุณอาจไม่เคยรู้

จะว่าไปคนไทยเราก็โชคดีหนักหนาที่ได้เกิดมาในประเทศไทยซึ่งอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีประโยชน์กับร่างกาย สามารถนำมารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราลองไปดูกันเลยค่ะ

ใบโหระพา ช่วยให้ลำไส้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน
ใบกระเจี๊ยบ ทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนดีขึ้น
ใบกระเพรา ช่วยจัดระเบียบการทำงานของอวัยวะภายใน และปรับสมดุลของร่างกาย
มะกรูด ช่วยจัดการสารที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้สมดุล และมีส่วนช่วยทำให้ผิวหนังเต่งตึง
ขิงสด ช่วยทำให้ร่างกายเย็นลง และทำให้น้ำเหลืองหมุนเวียนดีขึ้น
เปปเปอร์ มินต์ ช่วยในการย่อยอาหาร และรักษาการทำงานของกระเพาะและลำไส้ให้เป็นปกติ
ตะไคร้หอม ทำให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย แก้อาการนอนไม่หลับ
ข่า มีสาร anti-oxidation ที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
ใบแครอท อุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยป้องกันความแก่ได้
ดอกดาวเรือง ช่วยขับเหงื่อ และทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
ตะไคร้ ลดความเครียดและทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น
ขมิ้นอ้อย ช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับร่างกาย
ใบมะขาม ช่วยในการทำงานของถุงน้ำดี กระตุ้นในการขจัดสารพิษ
ใบเตย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านไวรัส
ขมิ้น ช่วยในเรื่องระบบประสาท และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ
ใบมะกรูด ช่วยลดความร้อนในร่างกาย และ รักษาความดันเลือดให้เป็นปกติ
ไพล ช่วยคลายความเครียด ลดความตึงของกล้ามเนื้อ และลดปวดตามข้อต่างๆ
กระชาย ช่วยในเรื่องการทำงานของตับ และลดอาการบวมตามร่างกาย